Friday, 10 May 2024
แจ็ค รัสเซล

เมื่อ 'ลัทธิตลกบูลลี่' อ้าง!! 'กัดเซาะ-เหน็บกัด' เศรษฐกิจพอเพียง แค่คิดกันไปเอง แต่ไฉนไม่เคยส่งเสียงละเลง!! 'สส.หนีทหาร-ลัทธิจานบินปล้นเงินคนป่วย'

เรื่องของ ‘ตลกไม่รู้จักพอ’ รายหนึ่งที่กลายเป็น Talk of the town ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผมมากนัก เพราะเห็นวิธีในการคบค้าสมาคมกับคนดังตลอดหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็พอจะเห็น ‘ตัวตนของตลก’ ได้ไม่ยากเย็น ซึ่งไม่ได้เป็นไปในแบบที่ต้องกับรสนิยมของผมสักเท่าไหร่  

ผมยังรู้สึกดีที่ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นตามซื้องานเขียนหนังสือ หรือตามเก็บผลงานการแสดง ‘เดี่ยวหน้าม่าน’ ของเขา จะยกเว้นก็เพียงหนังไทยที่เขาแสดง นั่นเพราะผม ‘รักหนังไทย’ จึงตามอุดหนุนดีวีดีหนังไทยทุกเรื่องอยู่แล้วเป็นปกติ จึงมีหนังไทยที่ ‘ตัวตลกแสดงนำ’ มาเก็บไว้ตั้งแต่เรื่อง ‘กล่อง’ ในปี 2541 เรื่อยมา 

ย้อนไปราวยี่สิบห้าปีก่อนในวันที่ ‘ตลกจอมบูลลี่’ เริ่มจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะ ‘วันแมนโชว์’ ห้วงเวลานั้นไม่ได้มีท่าที หรือแสดงความคิดดูหมิ่นแตะถึงสถาบันเบื้องสูงผ่านเรื่องเล่าของเขาบนเวที ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ สักครั้งเดียว จะมีก็แต่พาดผ่านไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม นักการเมือง หรือรัฐบาลในฝั่งฟากที่ตนเองไม่ได้เชียร์ เป็นต้องหยิบมาพูดตอกย้ำถึงจุดด้อยเพื่อแลกกับเสียงหัวเราะของเหล่า ‘มหาชนคนดู’ ที่อาจจะคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน 

แต่เราจะไม่เคยเห็น ‘ตลกนักเล่า’ รายนี้ หยิบประเด็น สส.หนีการเกณฑ์ทหาร, นักโทษเทวดาบนสวรรค์ชั้น 14, พรรคการเมืองที่มีอดีตนายกหนีคดีถึง 2 คน และนายไชยบูลย์ ธรรมไชโย ผู้นำลัทธิจานบินที่ปล้นเงินคนป่วย มาพูดถึงบนเวทีบ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่สร้างความเลวร้ายให้กับสังคมไทยไม่ต่างกัน 

ที่แย่กว่านั้น สิ่งที่เราเห็นในวันนี้กลับคือการแสดงออกเพื่อกระทบกระเทียบถึงคำว่า ‘ความพอเพียง’ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงคิดค้นและบันทึกไว้ให้เป็นแก่นของการดำเนินชีวิตของคนไทย ทำให้คนไทยที่รักสถาบันต่างเกิดความแคลงใจ และไม่สบายใจ  

เหตุการณ์นี้ใครที่บอกว่า ‘หัวใจของตลก’ บริสุทธิ์ ไม่ได้คิดเกินเลยไปไกลขนาดนั้น พวกที่คลั่งคำว่า ‘พอเพียง’ ต่างหากที่ทนไม่ได้และบ้าบอกันไปเองก็มีแค่คนสองประเภท หนึ่งนั้นคือพวกนิยมสีส้ม ที่ใจคิด ปากพูด มือทำ แต่ไม่เคยกล้ายอมรับความจริงในใจ และมักจะมีนิสัยย้อนแย้งเป็นสันดาน 

ส่วนสองนั้นคือพวก ‘เบาปัญญา’ มักจะ ‘หัวเราะปากหวอ’ กับทุกเรื่องเวลาที่ตลกกัดแซะคน จนลืมไปว่าหากรู้ไม่เท่าทัน ‘หัวใจของตลก’ บางคนนั้นอาจเป็นคนที่มีความหมายต่อความเป็นชาติ และสำคัญกับชีวิตของคนไทยมากมายเพียงใด 

เช่นนี้จึงเป็นเสียงหัวเราะที่แสนจะอัปยศ และเนรคุณ

'ประเทศไทย' ไม่ตกต่ำ เพราะนักการเมืองชั่ว แต่อาจพังพินาศ เมื่อมีคนมัว 'หลงเลว' ไม่เลิก

คนไทยยุคสมัยนี้มีจำนวนไม่น้อย มักจะยึดเอา 'สิ่งที่ถูกใจ' วางอยู่เหนือ 'ความถูกต้อง' เป็นเหตุให้บ้านเรามีแต่ความขัดแย้ง ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องที่ดูง่ายที่สุด คือ เรื่องรสนิยมในทางการเมือง 

คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะชอบพรรคการเมืองใด ก็จะ 'หน้ามืดตามัว' ใครจะมาแตะต้องก็จะออกหน้ารับแทน เวลาพรรคการเมืองที่ตนเองเชียร์ทำผิดขนาดว่ามีหลักฐานมัดแน่น ก็ยังกล้ามาแก้ตัวให้แบบข้าง ๆ คู ๆ 

ส่วนพวกที่ 'หน้าไม่ด้านพอ' ก็มักจะหายศีรษะไปเงียบ ๆ หันไปสายลมแสงแดดก่อน รอเวลาที่พรรคของตัวเองทำเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ก็จะพากันออกมา 'รวมพลังบาป' เขียนชื่นชมจนเกลื่อนโซเชียล คนที่เลือกเป็น 'ทาสพรรคการเมือง' ก็มักจะมีพฤติกรรมเน่า ๆ เช่นนี้ให้เห็นเสมอ 

หาได้น้อยมาก ๆ ที่เราจะเห็น 'คนเต็มคน' ดำเนินชีวิตไปด้วยวิจารณญาณ ที่เวลาจะรักใคร สนับสนุนใคร ก็ด้วยเหตุผลที่มาจาก 'ความจริงแท้' มิใช่เมื่อพบเห็นว่าทำชั่วกับสังคม ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ทรยศประชาชนด้วยกันแล้ว ก็ยังปกป้องชนิดไม่ลืมหูลืมตา

ตัวอย่างง่าย ๆ ขนาด 'นักโทษหนีคดี' เจ้าของพรรคเผาเมืองตัวจริง พูดจาโกหก หลอกลวงคนไทยมานับไม่ถ้วน ก็ยังมี 'ประชาชนผู้เบาปัญญา' หลงเชื่อขี้ปาก ลืมสิ้นความเลวที่เคยทำไว้กับแผ่นดินไทย พากันโหมกาเลือกจน 'พรรคโกงจำนำข้าว' สามารถกลับมามีอำนาจต่อรองได้อีกครั้ง 

ตัวอย่างถัดมา พรรคการเมืองรุ่นใหม่ ที่เดินหน้า 'ล้มล้างสถาบัน' เป็นงานหลัก 'ซุกกระโปรงเด็กให้ทำชั่วแทน' เป็นงานรอง มี สส. หนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรมรุนแรง ยังถือเป็นการ 'เอาเปรียบชายไทยร่วมชาติเดียวกัน' อย่างหน้าด้าน ๆ หลอกคนทั้งประเทศเพื่อเข้ามากินเงินเดือนจากภาษีอันเหนื่อยยากของประชาชน คนที่รักความชอบธรรม มีสำนึกของความเป็นคน ก็ไม่ลืมที่จะร่วมมือกันเอาผิด ยกเว้น 'คนใจบอด' ที่ยังคงส่งเสียงให้กำลังใจ 'สส.หนีทหาร' ไม่เว้นวัน 

ผมค่อนข้างเชื่อว่าประเทศไทยจะไม่มีวันตกต่ำยากแค้นเพราะ 'นักการเมืองชั่ว' แต่แผ่นดินทองจะพังพินาศเพราะเรามี 'ประชาชนที่โง่'

คนโง่ที่ยัง 'หลงเลวไม่เลิก' ต่างหาก ที่เป็นอันตรายตัวจริง 

เมื่อคนจุฬาฯ (ส่วนหนึ่ง) เลือกเนรคุณสถาบันฯ ก็ควรกล้าหาญลงชื่อคืนของสูงกลับสู่แผ่นดิน

ผมอยากให้ครูอาจารย์สามนิ้ว และนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่แอบสนับสนุนการล้ม 112 หรือสมคบคิดกับพรรคการเมืองล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ถ้าอยากอยู่อย่างคนที่มีศักดิ์ศรี งามสง่าในความเป็นมนุษย์ ก็โปรดลงชื่อคืนแผ่นดินให้กับสถาบันเถิด หรือไม่ก็ควรลาออกจากมหาวิทยาลัยนี้ก็ได้ 

เพราะในเมื่อเกลียดเจ้าของที่ ก็อย่าเอาเท้าที่คิดว่าสะอาดของตัวเอง ไปเหยียบ ไปเดิน บนแผ่นดินของเขา หรือใช้ชื่อตราของเขาฉายโชว์เพื่อเฉิดฉายตัวตนอวดสังคม 

มันจะเข้าทำนองเกลียดตัวแต่กินไข่ หรือไม่ก็กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา มีคนดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน? เพราะมันดูย้อนแย้งสิ้นดี!

เจ้าของแผ่นดินชาติตัวจริง เขาจะได้นำผืนดินผืนนี้ไปสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มคนที่เขารักชาติ-สถาบัน ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ เกิดความรัก เกิดความสามัคคีในคนหมู่มากที่ 'คิดเป็น' มากกว่า

การทำตัวเป็นคนเนรคุณสถาบัน แอบเซาะกร่อน จาบจ้วง ผ่านพฤติกรรมอันหยาบช้าอยู่บ่อยครั้ง ทั้ง ๆ ที่จุดกำเนิดของการสร้างมหาวิทยาลัยก็มาจากน้ำใจของพระมหากษัตริย์ไทยโดยแท้ ยังกล้าเนรคุณนั้น ผมกล้าพูดเลยว่าเจ้าตูบที่บ้านของผมยังมีหัวใจกตัญญูรู้คุณคนมากกว่าเลย 

แต่นี่ใช้ชื่อความเป็นจุฬาฯ มาทำมาหากิน แสวงหาความอยู่รอดในสังคม แต่กลับทำตัวต่ำช้า คอยเหยียบย่ำสายเลือดของผู้ให้กำเนิดมหาวิทยาลัยของตัวเอง

น่าละอาย น่ารังเกียจ และน่าทุเรศที่สุด!!

แนะนำว่า คืนแผ่นดินให้กับสถาบันแล้วก็ให้ไปลงชื่อขอที่ดินจาก 'ศาสดาส้ม' ที่พวกคุณยกย่อง ไปสร้าง 'มหาวิทยาลัยสามนิ้วใหม่' ได้เลย แล้วเอา 'ตราพระเกี้ยว' อันสูงส่งออก ใส่ตราสามเหลี่ยมหัวแหลมคล้ายตูดลิงเข้าไปแทน

ถ้าไม่กล้าคืน ก็อย่าริเรียกตนว่าเป็น 'คนจุฬาฯ' อย่าบังอาจเอาชื่อที่งามสง่ามาใช้ป้องปิดหัวใจบาปของตัวเอง

เมื่อสถาบันฯ มอบความรัก ความสงบสุข ปลุกคนเทียมคน แล้วเหตุไฉนคนไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ จะมิ 'กตัญญู'

พระมหากษัตริย์ไทยประกาศ 'เลิกทาส' ให้พี่น้องคนไทย รวมถึงคนต่างแดนหลากหลายเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่เดิม และที่เดินทางเข้ามาหวังจะตั้งรกรากในผืนแผ่นดินไทยทุกคนได้มีที่ทำกินอย่างเท่าเทียม และเสรี

ทั้งยังมอบความรัก ความสงบสุขร่มเย็น ให้เรารู้สึกปลอดภัย มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความเป็น 'คนเทียมคน' จนเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองตามมา

สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทำร้ายคนไทยที่คิดดีต่อสถาบันฯ และเราก็ไม่ควรคิดล้มล้างทำลายสิ่งที่มีบุญคุณกับเรา เราแสดงออกในความเป็นคนแบบไหน สังคมก็จะมองเห็นเราเป็นคนในแบบนั้นเสมอ ไม่มีทางปกปิดได้มิด

กลุ่มคน หรือองค์กรที่มีพฤติกรรมคิดร้ายต่อชาติ ต่อสถาบัน มีแผน ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ แอบร่วมมือกับต่างชาติให้มาทำร้ายสถาบันของตัวเอง วันใดวันหนึ่งก็จะถูกเปิดเผยออกมาให้โลกรับรู้ และมักจบลงด้วยการรับโทษในฐานะ 'อาชญากรแผ่นดิน'

ที่สุดก็อาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่

ทัศนคติที่เราแสดงออกมา จึงเป็นบทสรุปเกี่ยวกับนิสัยที่แท้จริงของคนเราทุกคนได้ดีที่สุด

เปรียบเปรยได้ไม่ต่างจากผึ้งเพียงหนึ่งตัว หรือจะบินมาเป็นฝูง ก็ไม่เคยคิดตอมขี้...ฉันใด แมลงวันจะตัวเดียวหรือบินมาเป็นพันเป็นหมื่นตัว ก็มักจะเลือกขี้ตอม...ฉันนั้น

ผึ้งอยู่ที่ไหนก็ชอบดอกไม้ แมลงวันต่อให้อยู่ใกล้ดอกไม้แสนสวย ก็จะบินหากองขี้อยู่ร่ำไป

เกิดเป็นคนมาแล้วทั้งทีก็ควรมองให้ออก สิ่งใดคือความหวานบริสุทธิ์ คือสาระประโยชน์ที่มีคุณค่ามากมายต่อโลกใบนี้ และสิ่งใดคือของเสีย คือขยะ คือความเน่าเหม็น ที่คอยสะท้อนถึงความสกปรกที่ซุกซ่อนอยู่ในจิตใจ

คุณคือผึ้ง หรือคือแมลงวัน คุณเลือกเป็นได้ด้วยตัวเอง

'ตำรวจเทา-นักโทษเทวดา-พรรคล้มการปกครอง'  อาชญากรแผ่นดินจองกินโต๊ะประเทศนี้ไม่รู้จบ

สังคมประเทศไทยยามนี้ ถ้าเปรียบคนที่ป่วยเป็นโรค ก็น่าจะมีหลายโรคกำลัง 'รุมทึ้งชีวิต' นับเวลาจากนี้ไปถ้าประเทศไทยไม่ตายคาแผ่นดินโลก ร่างขวานทองก็คงเสื่อมโทรมหมดสภาพเป็นแน่แท้

ประชาชนตาดำ ๆ แบบเรา ๆ ยามถูกโจรทำร้ายก็อยากหันไปพึ่งพาตำรวจ แต่ข่าว 'ตำรวจบดขยี้กัน' แฉความเลวของอีกฝ่ายออกสื่อแทบทุกช่องกินเวลาร่วมเดือน ภาพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อันเป็นความหวังทางกฎหมาย ก็ทำให้คนไทยไปกันไม่ค่อยจะเป็น และดูเหมือนว่าตำรวจที่ทะเลาะกันไม่แคร์ว่าคนไทยจะคิดกับพวกเขาอย่างไร รุ่นใหญ่ยังออกหมัดกันไม่เลิก ฝ่ายตำรวจรุ่นเล็ก ๆ ก็มีข่าวย่อย ๆ ในเรื่องน่าทุเรศออกสื่อไม่เว้นวัน

ต้องบันทึกไว้ว่าเป็นยุคที่ตำรวจไทยตกต่ำถึงขีดสุด 

วันที่นักโทษผู้วิเศษออกจากสวรรค์ชั้น 14 ก็มีทั้งนายตำรวจ นักการเมือง เดินตามตูดด้วยความนอบน้อมถ่อมตน เป็นภาพที่ตอกย้ำว่าคนใหญ่คนโตในประเทศไทยที่ควรจะวางตัวให้น่าเชื่อถือศรัทธา มีราคาในสายตาสังคมโลกต่ำขนาดไหน? 

เวลาใกล้ ๆ กัน ประเทศไทยก็มีพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง มี สส. ในพรรคไม่น้อยที่โดนคดี 112 และคดีอื่น ๆ อีกเพียบ แต่ก็ไม่วายยังมีคนมืดบอดสนับสนุนไม่เลิกรา สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคนไทยชอบ 'คนที่ถูกใจ' มากกว่าจะสนับสนุน 'คนที่ทำเรื่องถูกต้อง'

ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานถึงความน่าอัปยศอดสูเหล่านี้ ก็ใช่ว่าข่าว ‘อาชญากรแผ่นดิน’ จะเงียบหายไปจากสังคมไทย จีนเทา โจรต่างชาติ นักธุรกิจสีดำ และคนไทยเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ก็ยังเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เด็กชั้นประถมปลาย จนถึงมัธยมต้น เวลาพักกลางวันและหลังเลิกเรียนไม่อ่านหนังสือกันแล้ว มีโทรศัพท์คนละเครื่องก็หลบผู้ปกครองไปเล่นพนัน เสพติดจนบางครอบครัวพ่อแม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน แถมบางโรงเรียนก็มีครูเป็นอย่างในทางเลวๆ 

บางทีผมก็คิด หรือจะถึงเวลาที่เราต้องมารวมตัวกันออกหน้าปัดกวาดสังคมให้สะอาดเสียเอง คงจะดีไม่น้อยถ้าสังคมไทยจะมีคนอย่าง 'Paul Kersey' เหมือนในหนัง 'Death Wish' บ้าง

คนเดียวก็ยังดี!!

ตรรกะเดียวกันของพวกหลงตัวไม่ต่างจาก 'วัวลืมตีน' ต่างอยู่ในโลกที่มีผิวขรุขระ คล้ายผลส้มเหมือนกัน

คำว่า 'วัวลืมตีน' บันทึกไว้ว่าไม่ใช่คำหยาบ แต่จะเรียกว่าเป็นสำนวน หรือสุภาษิตไทยก็ตามแต่ ความหมายก็ประมาณว่า...

"คนที่พอได้ดีแล้วก็ลืมฐานะเดิม ลืมที่มาของตนเอง ที่หนักหน่อยก็ลืมหน้าที่ ลืมว่าที่สมควรต้องทำนั้นคือสิ่งใด จะมึนงงหลงทางบาป ผยองอยู่ในร่างกลวง ๆ ที่ไร้น้ำหนัก ไร้แก่นสาร ที่ยังไปต่อได้รายวันก็เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย 'หลงยกหาง' ให้เห่าหอนพ่นพิษสู่สังคมรายวัน"

คนจำพวกนี้ นอกจากจะมองไม่เห็นสิ่งที่ดีงามที่ดำรงอยู่มาช้านาน แต่จะคิดตรงกันข้าม จะแก้ จะทำลายให้สูญหายไป โดยไม่เคยดูว่าตนเองนั้นมีคุณค่ามากพอจะคิดจะทำสิ่งนั้นได้หรือไม่? 

ฉากหน้านอกจากไม่สวย ไม่สง่างาม ฉากหลังยังรอวันถูกกระชากให้ 'สังคมที่ยังไร้ปัญญา' ได้มองเห็นกระจ่างชัดในอีกไม่ช้าไม่นาน 

หนึ่งนั้นคือ 'ไอ้หนู' ในคราบ สส. ในสภา ที่คนอายุมากกว่าเรียกขานด้วยความใกล้ชิดเอ็นดู ยังตีความไปในทาง 'ต่ำถ่อย' เสมือนความคิด จิตใจ และการกระทำของตัวเอง 

แต่เรื่องที่ 'ต่ำสถุน' และน่ารังเกียจกว่านั้นมากมาย เช่น การแอบรับเงินต่างชาติมาสร้างความปั่นป่วนในแผ่นดินถิ่นอาศัยของตัวเอง ไอ้หนูตัวเดิมกลับเบือนหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง สิ่งใดที่หลักฐานยังโผล่ไม่สุด สังคมยังไม่เห็นถนัด ไอ้หนูก็ยังรอดพ้น 'ลูกกรงขังหนู' ยังพอมีเวลาแต่งสูทฟอกตัวตบตาบรรดา 'คนสมองน้อย' ได้อีกหลายทิวาราตรี 

แต่ไม่ได้หมายความว่า กรรมที่กำลังไล่ล่าจะไม่ได้มาก่อนกาล อยู่ที่ 'บุญของไอ้หนู' แต่ชาติปางก่อน สะสมไว้มากแค่ไหน 

จบเรื่องของไอ้หนู มาต่อเรื่องครูสามกีบที่แอบสอดใส่ความคิดความอ่านอันตื้นเขิน ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยอคติ เพื่อให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายเกิดความรู้สึกมั่นใจไปในทางที่ผิดเพี้ยน แฝงสอนให้เด็กกล้าหาญ กล้าแสดงออก ในขณะที่ยังขาดความรู้ ความจริง ไม่ลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปก่อน กลับผลักให้เอนเอียงไปในทางเกลียดชังสิ่งต่าง ๆ คล้ายสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในหัวใจของครู

ทั้งไอ้หนู และครูสามกีบ คือ ผลผลิตเดียวกัน มีตรรกะและวิธีคิดเดียวกัน อยู่ในโลกที่มีผิวขรุขระ คล้ายผลส้มเหมือนกัน ถ้าปล่อยกลิ้งไปมากับพื้นก็จะหมุนไปแบบเอียง ๆ ด้วยผิวสัมผัสนั้นไม่เรียบ ข้างนอกถ้าดูไกล ๆ อาจจะเห็นความสวย ถ้าเพ่งมองใกล้ ๆ จะเห็นรอยคล้ำดำ มีตำหนิมากมาย 

ทำท่าว่ากำลังจะเน่าในอีกไม่นาน

อดไม่ได้!! เมื่อ 'เด็กสามนิ้ว' ต้องหมดอนาคตในคุกตาราง แล้วใครกันที่ควรร่วมรับผิดชอบชีวิตที่แหลกสลายนี้?

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แม้จะเอือมระอากับพฤติกรรมของ 'เด็กสามนิ้ว' ที่ดาหน้ากันออกมาก่อกวนสังคม และจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย เป็นสิ่งที่ต้องล้มล้างทำลายให้หายไป

แต่เมื่อเราเห็นเด็กหนุ่มเด็กสาวต้องโดนคดี 112 ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ ต้องหมดอนาคตลงทันทีอย่างน่าเสียดาย บางอารมณ์ก็คงจะอดสงสารไม่ได้ และคงมีคำถามผุดขึ้นในใจมากมายว่าใครกันบ้างที่ใจอำมหิต มีส่วนทำให้ 'เด็กหนุ่มเด็กสาวสามนิ้ว' เหล่านี้ ต้องลงเอยที่คุกตาราง?

1.) พ่อ แม่ ที่ไม่เคยห้ามปรามลูก ไม่เคยสั่งสอนให้ลูกของตัวเองตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบสังคมที่ดีงาม หากพ่อแม่มีความละเอียดอ่อนในการดำเนินชีวิต คิดดี คิดเป็น ลูกของตัวเองจะไม่มีทางตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองที่นิยมการล้างสมองเด็ก ให้ออกหน้ามากระทำการอันชั่วร้ายแทน พ่อแม่ที่ดีจะสั่งสอนอบรมลูกไม่ให้จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ และไม่กระทำการใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายทั้งปวง 

2.) พรรคการเมืองที่มีความคิดอยากล้มล้างสถาบัน พรรคการเมืองพรรคนี้ถนัดแต่ 'ซุกกระโปรงเด็ก' เลือกหลอกใช้เด็กที่มีความกล้า ปนความคิดที่อยากได้รับการยอมรับในแบบที่แตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันมาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายชั่ว ๆ ของตัวเอง แต่เมื่อถึงคราวที่เด็กถูกดำเนินคดี สังคมคนส่วนใหญ่ลุกฮือขึ้นมาปกป้องสถาบัน พรรคการเมืองพรรคนี้ก็ทอดทิ้งชีวิตของ 'เด็กสามนิ้ว' ให้ไปเผชิญชะตากรรมร้ายในคุกโดยลำพัง

3.) สื่อที่มีแนวคิดเป็นลบกับสถาบัน มีซุกซ่อนอยู่ในสังคมไทยยุคสมัยนี้ไม่น้อย ถือเป็น 'สื่ออีแอบ' ที่มักจะสนับสนุน 'เด็กสามนิ้ว' ให้ดูเป็นฮีโร่ของสังคม เชิดชูและยกย่องเวลาที่เด็กสามนิ้วแสดงความใจกล้าในทางที่ผิด แต่ในเวลาที่เด็กสามนิ้วต้องถูกดำเนินคดี ก็จะใช้วิธีเขียนข่าวว่าเด็กถูกกลั่นแกล้งจากมาตรา 112 ทั้ง ๆ ที่กฎหมายอยู่ของมันเฉย ๆ 

4.) ผู้คนในสังคมที่ไม่ลงลึกกับที่มาที่ไป มักนิยมสิ่งที่ถูกใจมากกว่าจะรักษาสิ่งที่ถูกต้อง โหมใช้สื่อโซเชียลในแต่ละวันของตัวเองสนับสนุนการกระทำของ 'เด็กสามนิ้ว' จนกลายเป็นเด็กที่มีตัวตน เป็น 'ไอดอลกลวง ๆ กาก ๆ' ของเด็กรุ่นใหม่ จนมีความกล้าออกมาทำสิ่งที่ท้าทายอำนาจรัฐ 

ถ้า 'เด็กสามนิ้ว' สักคนต้องจบชีวิตลงในคุก คนในข่าย 4 ข้อนี้แหละครับสมควรต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความผิดของกฎหมายมาตราใดเลย

ชำแหละ 'พรรคปากกล้า' แต่ขาสั่น!! ซุกตัวอยู่เบื้องหลัง ผลักดันเด็กเดินหน้ากัดเซาะ ล้มล้างสถาบันแทนตัวเอง

ถึงวันนี้ถ้าใครยังมองไม่ออกว่าประเทศไทยของเรามีพรรคการเมืองอยู่หนึ่งพรรค ที่เกลียดชังสถาบันกษัตริย์เข้ากระดูกดำ และจ้องจะล้มล้างทำลายอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ก็ต้องบอกว่าเป็นคนไทยที่ 'บ้องตื้น' และ 'เบาปัญญา' มาก  

แต่พรรคการเมืองรวมทั้ง สส. ของพรรคนี้ ไม่กล้าเดินหน้าจัดการสิ่งที่ตนเองอยากกำจัดตรงๆ ก็เลยต้องใช้วิธี 'ยืมมือคนอื่นฆ่า' และหนึ่งในเหยื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาตลอดหลายปีก็คือเหล่าบรรดาเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เปราะบางทางความคิด เด็กที่ขาดการเอาใจใส่เลี้ยงดูจากครอบครัวอย่างถูกวิธี เด็กอยากเด่นอยากดัง และเด็กที่มีพื้นฐานทางธรรมที่ต่ำกว่าปกติ จะถูก 'ล้างสมอง' ให้ออกมาทิ่มแทงสถาบันที่คนไทยรักแทน 

ซ้ำยังมีกลุ่มทุนต่างชาติที่อยากเห็นสถาบันกษัตริย์ไทยพังพินาศ คอยอัดฉีดเงินหนาๆ ผ่าน 'คนไทยสันดานชั่ว' จำนวนหนึ่ง ให้มาปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา  

ตั้งแต่มีพรรคการเมืองพรรคนี้เกิดขึ้นในบ้านเรา สังคมไทยมีแต่ความวุ่นวาย เด็กวัยรุ่นวัยเรียนมีนิสัยก้าวร้าว ไม่มีความเคารพในกฎกติกาของสังคม โหยหาแต่ความเท่าเทียมจอมปลอมดังที่พรรคการเมืองพรรคนี้ยัดข้อมูลที่ผิดเพี้ยนใส่หัวเด็กให้กล้าทำในทางที่ผิด โดยเฉพาะการยุยงให้เด็กจงเกลียดจงชังสถาบันเบื้องสูง เพื่อที่จะใช้เด็กออกหน้าเป็นพลังขับเคลื่อนให้ตนเองบรรลุเป้าหมาย

แต่แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครคิดคดทรยศสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยก็จะมีอันเป็นไปเสียทุกราย เด็กวัยรุ่นจำนวนมาก รวมถึง ส.ส. เลวๆ จากพรรคการเมืองพรรคนี้โดนคดี 112 นับไม่ถ้วน เด็กจำนวนไม่น้อยก็ติดคุกต้องเสียอนาคต และอีกมากที่กำลังรอการตัดสินของศาล

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หนึ่งในเด็กสาวที่เคยถูกคดี 112 และเคยได้รับความช่วยเหลือจาก 'นักการเมืองโรคจิต' จากพรรคล้มสถาบันพรรคนี้ ได้กระทำการเหิมเกริมหนักกว่าเก่าด้วยการขับรถบีบแตรไล่จี้ขบวนเสด็จ พฤติกรรมที่เห็นทำให้คนไทยที่รักสถาบันเกินจะอดทนไหวอีกต่อไป 

แต่นักการเมืองพรรคนี้แต่ละคน กลับให้สัมภาษณ์ในเชิงเข้าใจที่เด็กกระทำเช่นนั้น ไม่มีสักคนที่บอกว่าการกระทำเช่นนี้ผิด เปลือยให้เห็นชัดเจนว่าทุกคนในพรรคนี้เป็น 'กลุ่มคนที่เป็นอันตราย' ต่อสถาบันกษัตริย์ไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อ 'นักการเมือง' มาตรฐานไม่สูง ผสานสามัญสำนึกแบบด้วนๆ แม้แต่สมบัติทางปัญญา ยังกล้า 'ก๊อบ-ลอก-ลัก-แอบขโมย'

อาชีพของคนเรามีมากมายก่ายกองให้เลือกทำ ถ้ารู้ว่าตัวเราไม่เข้าคุณสมบัติของสายงานบางอาชีพ ด้วยอาจจะมีกติกา และมาตรฐานที่จำเป็นต้องสูงมากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไป ก็อย่าพยายามเข้าไปทำให้สังคมอาชีพนั้น ๆ เกิดความหม่นมัว เช่นคนอาชีพ 'นักการเมือง' เพราะคือ ตัวแทนของประชาชน คือคนที่ประชาชนช่วยกันเลือกเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 

ก็ย่อมต้องเป็นคนดี มีความรู้ ความสามารถ มีความเสียสละ ซื่อสัตย์ กตัญญู ฉลาด กล้าหาญ มากไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มโนธรรม ยังต้องมีสัจจะ มีความจริงใจ มีอุดมการณ์อย่างโดดเด่นที่จะอุทิศกายใจเพื่อส่วนรวม 

ถ้าผิดจากนี้หรือมีคุณสมบัติที่ด้อยกว่านี้ สังคมก็จะเจริญช้า

'นักการเมืองน้ำดี' หรือ 'นักการเมืองอาชีพ' ตัวจริงเสียงจริง จะไม่ยอมให้ชื่อเสียงของตนเองเกิดความด่างพร้อย หรือเสื่อมเสียแม้เพียงน้อยนิด บางคนที่มีมาตรฐานสูง ๆ หากเผลอทำผิดพลาดไป ก็จะแสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งทันที แต่นักการเมืองมาตรฐาน 'ระดับไฮเอนด์' เช่นนี้ อาจจะไม่เคยมีอยู่จริงในประเทศไทยของเรา 

นักการเมืองของไทยเราขนาดเคลมว่าตนเองเป็น 'คนรุ่นใหม่' เข้ามาเพื่อจะล้างสิ่งชั่วร้ายที่นักการเมืองรุ่นเก่าเคยทำไว้ แต่สิ่งที่พบเห็นคือตรงกันข้าม นอกจากไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยังเดินหน้ากัดเซาะล้มล้างทำลายสถาบันกษัตริย์ด้วยกลวิธีต่าง ๆ แต่กลับไม่กล้ายอมรับออกมาตรง เมื่อจับได้ไล่ทันก็ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งทันที เรียกว่า 'ปากกล้าขาสั่น' และไร้ซึ่งความจริงใจ

มากกว่านั้น ช่วงเวลาที่ผ่าน ๆ มา สังคมยังจับได้ว่าแอบไปลักขโมย 'สมบัติทางปัญญา' ของคนอื่น มาตีเนียน ๆ ให้เหล่า 'สาวกที่ใหลหลง' ต่างหลงเข้าใจว่า 'ศาสดาล้มเจ้า' ของตนเองมีความสามารถเลิศล้ำ เป็นเจ้าของความคมคายที่ฉายโชว์ออกโซเชียลในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประโยคคม ๆ จากนักเขียน, โลโก้พรรค, รูปจากภาพยนตร์ และล่าสุดก็คือหลอกต้มผู้คนว่าเป็นคนวาดภาพเอง ทั้งที่ไปเหมือนกับผลงานของจิตรกรระดับโลกชาวฝรั่งเศสนาม 'Claude Monet' ราวกับแกะ

ถ้าไม่อายตัวเอง ก็อย่าหลงคิดว่าคนไทยที่สติยังดีเขาจะไม่รู้สึกอับอายที่มีนักการเมืองมาตรฐานต่ำ และสามัญสำนึกด้วนเช่นนี้ 

‘ชายไทย’ หนีทหาร ไม่ควรเป็น สส. ผู้ทรงเกียรติ เพราะไม่เหลือ ‘เกียรติ’ ให้ ปชช. ‘เชื่อใจ-นับถือ’

นับวันสังคมไทยยิ่งจะเห็น สส. จาก ‘พรรคล้มสถาบัน’ เริ่มลายออกกันแบบรายวัน ภายใต้บาดแผลอันเน่าเหม็นถูกปิดปากจนเผยอออกมาให้สังคมรับรู้ไม่จบไม่สิ้น ขึ้นศาลกันจนหัวบันไดศาลอาญาไม่แห้ง ยังไม่ทันจบคดี 112 ที่ทั้งพรรค ทั้งสมาชิก ต่างลุ้นคำตัดสินกันจนตัวโก่ง ยังมีลิ่วล้อเด็ก ๆ ที่ถูกหลอกใช้ให้มาติดคุกแทนอีกเพียบ ก็มาต่อด้วยกรณี ‘หนีทหาร’ ของ สส. ผู้ทรงเกียรติให้สังคมเอือมระอาต่อ จริงหรือไม่จริงอีกไม่นานก็จะปรากฏชัด

ถามว่าคนเราหากมี ‘สามัญสำนึกของความเป็นคน’ ให้เกียรติสังคม ให้ความเคารพนับถือตัวเอง หากรู้ตัวว่าเป็น ‘คนหนีทหาร’ จนเคยถูกดำเนินคดี จะหน้าด้านแอบปกปิดพฤติกรรม ‘โกงความเป็นชาย’ มาสมัครเป็นผู้แทนของประชาชนหรือ?

สำหรับผมขอตอบว่า..ไม่ 

ยกเว้นชายใจชั่ว ใจคด ใจสกปรก

ขณะที่ชายไทยทั่วประเทศเมื่อมีอายุ 20 ย่าง 21 ปี ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องไปจับใบดำใบแดงเหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารก็ต้องเป็นนักศึกษาวิชาทหาร เรียน ร.ด. ให้จบตามหลักสูตร สมควรต้องมี ‘น้ำใจลูกผู้ชาย’ ที่ต้องแสดงออกอย่างเทียมเท่ากับผู้ชายไทยทั้งประเทศ   

การที่ให้ผู้ชายไทยที่เคยหนีทหาร มาเสนอหน้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนที่มาจากหยาดเหงื่อภาษีของประชาชนอีก เป็นคนไทยแบบไหนกัน? ไม่อับอายตัวเองสักนิดเลยหรือ? 

ปากก็บอกสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สู้เพื่อความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เผยออกมาให้เห็นแต่ละดอกจากนักการเมืองเลว ๆ พรรคนี้ มีแต่สิ่งที่เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบหัวใจของเพื่อนมนุษย์ แสดงความเห็นแก่ตัวต่อคนร่วมชาติเดียวกัน แสดงความย้อนแย้งออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ ราวกับว่าประชาชนที่พบเห็นนั้นต่าง ‘กินหญ้าแทนข้าว’ เหมือนเหล่าสาวกโง่ ๆ ของตัวเอง 

นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งมีเลือดเนื้อเชื้อสายและใช้นามสกุลเดียวกันกับผม ถ้าผมมารู้ภายหลังว่าเคยหนีทหารแล้วไปสมัครผู้แทน ไม่ต้องถึงกับได้เป็น สส. หรอก 

ผมจะตบให้หัวคว่ำเลย โทษฐานที่ทำให้นามสกุลของผมมัวหมอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top